การเดินและการวิ่งเป็นกิจกรรมที่ทั้งหมดเราสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ และให้ประโยชน์ทางสุขภาพอย่างมาก ความแตกต่างระหว่างกิจกรรมทั้งสองนี้อาจทำให้คุณสงสัยว่าตัวเลือกใดที่น่าสนใจสำหรับคุณ
ความแตกต่างหลัก
การเดินออกกำลังกายและการวิ่งเป็นกิจกรรมที่ใช้กลุ่มกล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อหลังอย่างหลัก แต่มีความเร็วในการเคลื่อนที่ และปริมาณการใช้พลังงานที่แตกต่างกัน
ความเร็วในการเคลื่อนที่
- การเดิน: ความเร็วปกติของการเดินอยู่ระหว่าง 3-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- การวิ่ง: ความเร็วปกติของการวิ่งอยู่ระหว่าง 8-16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การใช้พลังงาน
- การเดิน: การเดินใช้พลังงานประมาณ 100 กิโลแคลอรีต่อกิโลเมตร
- การวิ่ง: การวิ่งใช้พลังงานประมาณ 120 กิโลแคลอรีต่อกิโลเมตร
ประโยชน์ของการเดิน
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน: การเดินสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ โดยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- กระตุ้นการสลายไขมัน: การเดินช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมัน ช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: การเดินสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยการควบคุมความดันโลหิต และลดระดับคอเลสเตอรอล
ประโยชน์ของการวิ่ง
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อ: การวิ่งสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขาและกล้ามเนื้อหลัง
- เพิ่มสมรรถภาพทางกาย: การวิ่งช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย และส่งเสริมการทำงานของระบบหายใจและหัวใจ
- ช่วยลดความวิตกกังวล: การวิ่งช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มความสุข กระตุ้นฮอร์โมนในร่างกาย
การเลือกการเดินหรือการวิ่ง
- มือใหม่: หากคุณเป็นมือใหม่ในการออกกำลังกาย การเริ่มต้นด้วยการเดินอาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเสี่ยงน้อยและเริ่มต้นได้ง่าย แล้วค่อยพัฒนาเป็นการวิ่ง
- วัยรุ่นและวัยทำงาน: การวิ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดี รวดเร็ว ประหยัดเวลา
- คนที่มีอายุมากขึ้น: การเดินเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยกว่าการวิ่ง
- คนที่มีน้ำหนักเกิน: หากคุณมีน้ำหนักเกิน การเดินเป็นตัวเลือกที่ดีเพื่อลดแรงกระแทกต่อข้อต่าง ๆ และลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ
- คนทำ Keto: หากต้องการลดแป้ง การวิ่งแบบ Sprint ในเวลาสั้นๆ เริ่มหมดแรงก็พักแล้ววิ่งใหม่ จะช่วยลดคาร์บได้ดีและไม่กระตุ้นความหิวแบบวิ่งต่อเนื่อง
การเลือกเดินหรือวิ่งเพื่อลดไขมันขึ้นอยู่กับความสะดวกและประสิทธิภาพของแต่ละคน หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย การเริ่มต้นด้วยการเดินอาจเป็นตัวเลือกที่ดี เมื่อร่างกายเริ่มเข้าใจจังหวะการออกกำลังกายและปรับตัวได้ดีขึ้น คุณสามารถเพิ่มความเร็วและเปลี่ยนเป็นการวิ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดไขมัน ซึ่งการผสมผสานระหว่างเดินและวิ่งอาจได้ผลดีกว่าการเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง