เทรนด์การลดน้ำตาลมาแรงมาก ไม่ว่าจะลดแบบธรรมชาติไม่เกิน 6-9 ช้อนต่อวัน หรือ งดไปเลยแบบ Keto เพราะน้ำตาลไม่ได้ส่งผลเสียในระยะยาวเท่านั้น แต่ส่งผลเสียตั้งแต่ยังหนุ่มสาวได้โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณที่เหี่ยวย่นก่อนวัยหรือไขมันสะสมที่เกิดจากน้ำตาลง่ายกว่าอาหารไขมันสูง
งดน้ำตาล 2 สัปดาห์จะเป็นอย่างไร
เป็นคลิปน่าสนใจจาก Dr.Berg เมื่อเลิกกินน้ำตาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากตัวเราเริ่มเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล
- จะทำให้รูปหน้าและเอวเรียบลง
- จะช่วยปรับปรุงสุขภาพตา ไต หลอดเลือด และระบบประสาท เนื่องจากน้ำตาลอาจทำให้เกิดการอักเสบ และฝ้าเพิ่มขึ้น
- จะช่วยปรับปรุงการนอนหลับ เนื่องจากน้ำตาลทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ช่วยเพิ่มพลังงาน โดยตัวเราจะใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานแทนน้ำตาล
- ช่วยลดน้ำหนัก โดยเนื่องจากเราเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลจะช่วยลดการสะสมน้ำหนัก
- ช่วยลดการอักเสบ ปวด และข้อต่อขยาย และลดความตึงกระดูก
- ช่วยลดความต้านทานอินซูลิน ซึ่งช่วยปรับปรุงการดูแลสารอาหารต่างๆ และการดูแลระบบต่างๆในร่างกายของเรา
What Happens to Your Body When You Quit Sugar for 14 Days
ทั้งนี้การลดต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่กินน้ำตาลวันละ 50 กรัม อยู่ๆ จะงดเป็น 0 ช้อน คงโดนหามเข้าโรงพยาบาลเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำแทน ค่อยๆ ปรับลดไปทีละน้อย
อีกอย่าง ในคลิปข้างต้นได้ผลในกลุ่มตัวอย่างบางคนเท่านั้น บางคนก็ไม่สามารถลดน้ำตาลได้และทำให้เกิดความเครียดมากกว่า จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ยังลงเลเรื่องลดแป้งและน้ำตาลเท่านั้น
Sugar Blues อาการติดหวาน
ก่อนจะลดหวานต้องเข้าใจก่อนว่า บางคนติดหวานแบบไม่รู้ตัว อย่างทานอาหารต้องเติมน้ำตาล หรือสั่งเครื่องดื่มหวานประจำ ถึงจะสั่งหวานน้อยก็คือติดหวานนั่นแหละ ถ้าเริ่มจากปรับค
อาหารหวานเป็นอาหารที่เราชอบ แต่ทว่าการบริโภคมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องระมัดระวังในการบริโภคอาหารหวาน และรู้จักกับ “Sugar Blues” ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งจะทำให้ร่างกายรู้สึกหิวน้ำตาลตลอดเวลา และเมื่อไม่ได้รับน้ำตาลก็จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง โกรธง่าย และบางครั้งอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
เพื่อลดการเกิด “Sugar Blues” ในร่างกาย เราควรลดการบริโภคน้ำตาลโดยเฉพาะอาหารหวาน และเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน เป็นต้น นอกจากนี้เรายังควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม หากเราต้องการบริโภคอาหารหวาน เราสามารถเลือกบริโภคอาหารหวานที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผลไม้ที่หวานธรรมชาติ น้ำผลไม้ หรือผักที่มีรสหวาน แทนได้ รวมถึงทานพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ร่างกายย่อยเป็นน้ำตาลได้ช้ากว่า เช่น ขนมปังโฮลวีต ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช
วิธีลดน้ำตาลในอาหารเพื่อรักษาสุขภาพ
การทานน้ำตาลเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะลดปริมาณน้ำตาลในอาหารลง เพียงแค่ปรับปรุงการกินอย่างเหมาะสม และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ทานผักและผลไม้
ผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะมีไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลาย ซึ่งช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลในอาหารลง โดยเฉพาะผลไม้ที่มีความหวานเช่น แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ และส้ม
- เลือกทานแป้งที่มีไฟเบอร์
การทานแป้งที่มีไฟเบอร์สูง จะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง ซึ่งอาจช่วยลดความอยากหวานได้ แป้งที่มีไฟเบอร์สูงประกอบไปด้วย ข้าวกล้อง ข้าวโพด และเม็ดถั่วต่างๆ
- ลดการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง
ควรลดการทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน ขนมปัง น้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาล และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมน้ำตาลในร่างกายได้
- ทานอาหารที่มีโปรตีน
อาหารที่มีโปรตีน ช่วยให้อยู่ท้องได้ง่าย พวกเนื้อสัตว์ หรือ โปรตีนจากพืชก็ได้
- ทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว
อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น อาหารทะเล นม ถั่ว และเมล็ด จะช่วยลดความอยากหวานได้ โดยไม่เพิ่มปริมาณน้ำตาลในร่างกาย
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มการดูดซึมน้ำตาลในอาหารให้ดีขึ้น นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก และป้องกันโรคต่างๆ ได้ด้วย
- เลือกทานผักที่มีไฟเบอร์
การทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จะช่วยลดความอยากหวาน และช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ อาหารที่มีไฟเบอร์สูงประกอบไปด้วย พืชผักใบเขียวเข้ม แตงกวา และถั่วเหลือง
การทานน้ำตาลเกินไปอาจเสียอาการสุขภาพได้ ดังนั้นควรปรับปรุงการกินอย่างเหมาะสม โดยเลือกทานผักและผลไม้ เลือกแป้งที่มีไฟเบอร์ ลดการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ทานอาหารที่มีโปรตีนและไขมันไม่อิ่มตัว ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์